“เล่าเรื่อง เมืองล้านนา” 22 กรกฎาคม 2567

ศ.(เชี่ยวชาญพิเศษ)นพ.บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มช. พร้อมด้วย ผศ.พญ.พุดตาน วงศ์ตรีรัตนชัย รองคณบดีคณะแพทยศาสตร์ มช. รศ.พญ.ประภาพร สู่ประเสริฐ รองคณบดีคณะแพทยศาสตร์ มช. บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ จิตอาสาผู้ร่วมปฏิบัติงาน ทันตแพทย์จิตอาสาจากคลินิคทันตกรรมเอเชียฟอร์จูน และออฟโรดจิตอาสา รวมจำนวน 78 คน ออกหน่วยแพทย์อาสาฯ ให้บริการตรวจรักษาพยาบาล แก่นักเรียน และประชาชนในพื้นที่ดอยสามหมื่น เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2567 ณ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนเบญจมะ 1 บ้านสามหมื่น ต.เมืองแหง อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่่

พื้นที่ดอยสามหมื่น เป็นพื้นที่แรกที่หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ของคณะแพทยศาสตร์ มช. ได้ไปออกหน่วยในพื้นที่ทุรกันดาร ในปี พ.ศ. 2512 โดยสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงจัดตั้งหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ และพระราชทานชื่อว่า “แพทย์อาสาสมเด็จพระบรมราชชนนี” หรือ พอ.สว.

การออกหน่วยแพทย์อาสาฯ ครั้งนี้ มูลนิธิโรงพยาบาลสวนดอก ร่วมกับ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ คณะแพทยศาสตร์ มช. จัดขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล และ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ และ เนื่องในวาระครบรอบ 65 ปี คณะแพทยศาสตร์ มช.

การให้บริการตรวจรักษาพยาบาลแบ่งเป็น การตรวจรักษาทั่วไป ตรวจสุขภาพสตรี ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ตรวจเท้า ถอดเล็บ ดูดขี้หู และการฝังเข็ม โดยได้มีส่งตัวรักษาต่อโรงพยาบาลเวียงแหง จำนวน 2 ราย นอกจากนี้ ยังมีการให้บริการตัดผม และวัดค่าสายตา รวมผู้มาใช้บริการทั้งสิ้น 226 ราย โดยเป็นผู้ที่อยู่อาศัยในพื้นที่ดอยสามหมื่น ชาวเขาเผ่าลีซอ ปะหล่อง จีน และไทใหญ่

*********************

สวนนงนุชพัทยาสืบสารประเพณีนำเทียนพรรษาถวายวัดเพื่อเป็นพุทธบูชา ประจำปี 2567

นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา มอบหมายให้ตัวแทนนำเทียนพรรษาถวายวัด เป็นประเพณีเพื่อใช้จุดในโบสถ์ตลอดพรรษา 3 เดือน โดยเริ่มตั้งแต่วันเข้าพรรษาจนถึงวันออกพรรษา การถวายเทียนเพื่อเป็นตัวแทนของแสงสว่าง เพิ่มพูนปัญญา หูตาสว่างไสว และให้พระภิกษุสงฆ์ได้ใช้ประโยชน์

การถวายเทียนพรรษา ของทางสวนนงนุชพัทยาจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี และในสัปดาห์นี้เป็นวันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษาติดต่อกัน เพื่อส่งเสริมการปฏิบัติตนให้เป็นพุทธศาสนิกชนที่ดีและสืบสานประเพณีทางพระพุทธศาสนาสืบไป


การถวายเทียนพรรษา 9 วัด 9 ต้น ประกอบไปด้วย วัดญาณสังวรารามวรวิหาร ,วัดสัตหีบ , วัดสามัคคีบรรพต , วัดนาจอมเทียน , วัดอัมพาราม , วัดบางเสร่คงคาราม ,วัดเขาคันธมาทน์ , วัดหนองจับเต่า และวัดทรัพย์นาบุญ เพื่อใช้ในระหว่างพรรษา

**************************

ข่าวสังคมชาวบ้านประจำวันจันทร์ที่ 22 กรกฏาคม 2567 โดยสินในน้ำ✍️...ตั้งแต่ได้รัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศได้ยังไม่ถึงปี ทำไมอะไรๆ มันถึงได้เปลี่ยนแปลงไปขนาดนี้ แรกๆ พี่น้องต่างก็หวังว่าน่าจะดีกว่ารัฐบาลชุดก่อน เพราะว่าตอนที่หาเสียงได้รับปากรับคำกับพี่น้องว่า ถ้าได้เข้า มาบริหารประเทศ ค่าน้ำ ค่าไฟ และเศรษฐกิจจะต้องดีพี่น้องประชาชนจะไม่ต้องกังวงในเรื่องของค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าน้ำมันเชื้อเพลิงจะต้องลดทันที ฟังแล้วมันสร้างความมั่นใจว่าจะเป็นไปตามอย่างที่เขาฉายหนังโฆษณา.…พอได้เข้ามาบริหารประเทศจริงๆ ทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงไปจริง จริงๆอย่างที่เขาโฆษณาเปลี่ยนไปจากพี่น้องประชาชนเดือดร้อนไม่มากเท่าไหร่ในยุครัฐบาลชุดก่อน มาถึงรัฐบาลชุดนี้ พี่น้องเดือดร้อนขึ้นสองเท่า จากที่เขาฉายหนังโฆษณาว่า ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าแก๊ส ค่าน้ำมันเชื้อเพลิงจะลดทันที กลายเป็นทุกอย่างขึ้นทันที และก็ขึ้นมาอย่างต่อเนื่องและเวลานี้น้ำมันแกสโซฮอลล์ 91 ขึ้นไปเกือบจะ 40 บาทแล้ว ส่วนดีเซล ก็เกือบจะ 34 บาท และมีแนวโน้มว่าน่าจะถึง 35 บาท ถ้าเหตุการณ์มันจะเป็นแบบนี้….อยากฝากไปยังรัฐบาลว่า มีไหนละที่พวกท่านบอกว่า ถ้าได้เข้ามาบริหารประเทศค่าต่างๆ ลดทันทีโดยไม่มีข้อแม้ แล้วเป็นไงละมันลดหรือไม่ มีแต่ขึ้นกับขึ้น และขึ้นกับขึ้น ไม่เห็นที่จะลดอะไรเลย อย่างล่าสุดเห็นว่าจะขึ้นค่าเอฟทีไฟฟ้าอีก โดยจะผลักภาระความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนเขาอีก คิดได้ไง ขนาดสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจไฟฟ้านครหลวง (สภฟ.) ยังออกมาช่วยพี่น้องประชาชน ไม่อยากให้ รัฐบาลผลักภาระนี้ไปให้กับประชาชน ซึ่งมันจะมีผลในเดือนกันยายน ถึงเดือน ธันวาคม 2567 มันจะทำให้ค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ….การปรับค่าไฟฟ้าหรือค่าเอฟที ถือเป็นการผลักภาระให้แก่พี่น้องประชาชนอย่างไม่เป็นธรรม ทั้งๆ ที่ปัจจุบันประชาชนต้องทุกข์ยาก ลำบากจากค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้น ทั้งค่าน้ำมัน ค่ารถเดินทาง และค่าของกินของใช้ที่แพงขึ้นอย่างมาก แต่รัฐบาลกลับไม่มีมาตรการแก้ไขค่าครองชีพที่สูงขึ้น และยิ่งมีการปรับค่าเอฟที จะยิ่งเป็นการสร้างความทุกข์ยากอดอยาก เป็นการซ้ำเติมประชาชน รวมถึงลูกจ้างทั้งของรัฐและเอกชนเพิ่มมากขึ้น….ปัจจุบันขณะนี้เกิดขึ้นทุกจังหวัดทุกอำเภอ ทุกตำบล ทุกหมู่บ้านทั่วประเทศ กำลังซื้อลดลงมาจากเหตุขึ้นราคาค่าน้ำมัน ขึ้นค่าไฟฟ้า ขึ้นค่าขนส่ง ขึ้นค่าน้ำ ขึ้นค่าอาหาร ขึ้นราคาสิ่งของเครื่องใช้ เกิดผลร้ายแรงกับพี่น้องประชาชน กับร้านค้าย่อย กับปั้มน้ำมันปิโตรเลียมรุนแรงมาก มีผลกระทบถึงแหล่งอุตสาหกรรม ฯลฯ เริ่มมีเหตุปินกิจการโรงงาน ร้านค้าปลีก ร้านค้าย่อย ประชาชนไม่มีงานทำ ตกงาน ไม่มีรายได้ ผลผลิตการเกษตรราคาถูก กำลังซื้อน้อยลงๆ ทุกจังหวัดมีเหตุร้าย ปล้นทรัพย์ ชิงทรัพย์ ลักทรัพย์ หลอกลวง ฉ้อโกงทรัพย์ มีเหตุฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้น เพราะขาดเงินเลี้ยงครอบครัว บางครอบครัวไม่มีเงินให้บุตรไปโรงเรียน ต้องให้บุตรหยุดเรียนไว้ก่อน….ประชาชนเจ้าของภาษีได้จ่ายเงินภาษีให้รัฐบาล 7.5% ของรายได้ทุกคน เป็นภาษีจากการซื้อ และจากการขาย ปีหนึ่งรัฐบาลได้ไปหลายแสนล้าน เอาไว้แค่นี่ก่อน พรุ่งนี้ค่อยมาว่ากันต่อ

สินในน้ำ

Related posts