“เล่าเรื่อง เมืองล้านนา” 3 กันยายน 2568

นหลวง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ องคมนตรี เชิญสิ่งของพระราชทาน จำนวน 1,116 ชุด มามอบให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่

*********************

พิธีมอบเงินพระราชทานขวัญถุงกองทุนแม่ของแผ่นดินจังหวัดพะเยา ประจำปี 2568

วันอังคารที่ 2 กันยายน 2568 ที่ ศาลาปฏิบัติธรรมวัดศรีโคมคำ พระอารามหลวง ตำบลเวียง อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา นายรัฐพล นราดิศร ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา เป็นประธาน เปิดพิธีมอบเงินพระราชทานขวัญถุงกองทุนแม่ของแผ่นดินจังหวัดพะเยา ประจำปี 2568 โดยมี หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน เครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดิน และประชาชนจากทั้ง 9 อำเภอ รวมถึงชุมชนในเขตเทศบาลเมืองพะเยาและอำเภอดอกคำใต้ รวมกว่า 200 คน เข้าร่วม เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ขยายพลังความดีสู่ชุมชน และเผยแพร่ผลการดำเนินงานกองทุนแม่ของแผ่นดินให้เป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณชน

พิธีดังกล่าว สืบเนื่องจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์เป็นองค์ประธานในงานมหกรรมกองทุนแม่ของแผ่นดิน ประจำปี 2568 เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2568 ณ จังหวัดนนทบุรี โดยได้พระราชทานเงินขวัญถุงกองทุนแม่ของแผ่นดินแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อนำมามอบแก่หมู่บ้านและชุมชน เป็นทุนแห่งความดี ความเป็นสิริมงคล และสืบสานพระราชปณิธานกองทุนแม่ของแผ่นดิน ซึ่งเปรียบเสมือนน้ำพระราชหฤทัยของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่พระราชทานแก่ราษฎรอย่างต่อเนื่อง โดยจังหวัดพะเยาได้กำหนดจัดงานภายใต้แนวคิด “ก้าวสู่ทศวรรษที่ 3 อ้อมกอดของแม่”

ภายในพิธีมีกิจกรรมสำคัญ ได้แก่ การมอบเงินพระราชทานขวัญถุงแก่หมู่บ้านต้นกล้ากองทุนแม่ของแผ่นดิน จำนวน 16 หมู่บ้าน/ชุมชน การมอบพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง การมอบวุฒิบัตรแก่วิทยากรกระบวนการกองทุนแม่ของแผ่นดินพื้นที่ภาคเหนือตอนบน การจัดแสดงนิทรรศการผลการดำเนินงานกองทุนแม่ของแผ่นดินจากทั้ง 9 อำเภอ และพิธีปล่อยขบวนรถอัญเชิญเงินพระราชทานของหมู่บ้านต้นกล้ากองทุนแม่ของแผ่นดิน

*****************************

ข่าวสังคมชาวบ้านประจำวันพุธที่ 3 กันยายน 2568 โดยสินในน้ำ✍️
….พระพุทธองค์ทรงตรัสว่าเรานั้นหยุดแล้ว แต่ท่านต่างหากที่ไม่หยุด หยุดในที่นี้หมายถึง หยุดวิ่งไล่ตามกิเลส ความเหนื่อยยากทั้งหมด ที่เกิดขึ้นในชีวิตล้วนเกิดมาจากการวิ่งไล่ตามความอยาก อยากได้ อยากมี อยากเป็น ทำให้เราต้องวิ่ง เราคือนักวิ่งที่วิ่งไล่ตามความอยากตลอดเวลา หากมีสติ รู้เท่าทันกิเลส รู้ทันความคิดปรุงแต่ง จากที่มันวิ่งเร็วอยู่นั้น ก็จะกลายเป็นวิ่งช้าๆ จากวิ่งช้าๆ ก็จะเปลี่ยนมาเป็นเดินเรื่อยๆ จาก เดินเรื่อยๆ ก็จะกลายเป็นหยุดยืนอยู่กับที่ จากยืนอยู่กับที่ก็จะกลายเป็นนั้งอยู่นิ่งๆจิตที่นิ่งไม่วิ่งตาม กิเลส ก็คือความสงบ ชีวิตคือวงกลมไม่มีสิ้นสุด การหยุดคือเส้นชัย….มีคนเขียนที่ไปอ่านเจอ เป็นคำสอนที่ดีมากเลยหยิบมานำเสนอให้ท่านได้อ่านกัน ซึ่งพี่น้องต้องพิจารณากันเอานะครับว่ามันที่เขาเขียนมันจริงมากน้อแค่ไหน เขาบอกว่า ลูกจะดีไม่ดี ไม่ได้อยู่ที่คำสอน แต่มันอยู่ที่ตัวของเขาเอง ลูกจะดีหรือไม่ดี ไม่ได้อยู่ที่คำสอนเสมอไป เราเป็นพ่อแม่ เราสั่งเราสอนเสมอไป เราเป็นพ่อแม่เราก็สั่งสอนลูกด้วยความรัก เราหวังให้เขาเติบโตเป็นคนดี มีชีวิตที่มั่นคง แต่สุดท้ายแล้ว คำสอนจะมีความหมายหรือไม่ มันก็อยู่ที่ว่าเขาจะเลือกเดินทางไหน ลูกบางคนฟังทุกคำที่เราบอก แต่ก็เลือกเดินอีกทาง....ลูกบางคน ดูเหมือนไม่ฟังเลยแต่กลับจำไว้หมดทุกอย่าง ไม่มีสูตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด มีแค่หัวใจของเขาเอง ที่จะเลือกดีหรือไม่ดี เราเป็นเพียงเงา เป็นคนที่เคยผ่านทางลำบากมาแล้ว แต่เราจะเดินแทนเขาทุกก้าวไม่ได้ เราก็ได้แค่ยืนอยู่ตรงนี้ พร้อมอ้าแขนรับไม่ว่าเขาจะล้ม หรือจะกลับมาในวันที่เจ็บช้ำแค่ไหนก็ตาม บางที ความรักที่แท้จริง คือการปล่อยให้เขาได้เรียนรู้ด้วยตัวของเขาเอง แม้ใจเราจะเจ็บ แต่ก็ต้องยอม เพราะเส้นทางของเขามันเป็นของเขา ไม่ใช่ของเรา เพราะว่าทางเดินของพวกเขายังอยู่อีกไกล ต่างกับทางเดินของเราที่มันสั้นลงทุกที ลูกที่ดีพ่อแม่ก็สุขใจ ลูกที่ไม่ดี พ่อแม่ก็ปวดใจ สิ่งเหล่านี้มันก็จะย้อนกลับไปสอนเขายามที่เขามีลูก….พ่อแม่ส่วนใหญ่มิได้หวังที่จะต้องให้ลูกมาเลี้ยงดู ขอแค่ลูกไม่สร้างปัญหาให้กับพ่อแม่ แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว แต่ก็อาจจะมีบ้างที่ลูกไม้ อีกหลายครอบครัวที่เขายังดูแลเลี้ยงดูพ่อแม่ ซึ่งปัจจุบันนี้มันช่างหายากมาก ใครที่มีลูกประเภทนี้ ถือว่าเป็นคนที่โชคดีที่สุดแล้ว ถือว่าทำบุญมาดี เพราะว่าส่วนใหญ่ลูกๆ จะไม่ค่อยสนใจพ่อแม่เท่าไหร่ แต่ถึงจะเป็นอย่างไรความรักของพ่อแม่นั้นยังคงที เพราะเป็นความรักที่มั่นคง ในโลกนี้ไม่มีใครที่จะรักเราเท่ากับพ่อแม่ และไม่มีรักใดที่จะบริสุทธิ์เท่ารักของพ่อแม่ ลูกกี่คนพ่อแม่เลี้ยงได้ แต่พ่อแม่แค่สองคนลูกยังเลี้ยงไม่ได้เลย ซึ่งมันก็มีให้เห็นกันในสังคมปัจจุบัน แต่ถ้าใครมีลูกที่เลี้ยงดูพ่อแม่ นั้นคือท่านมีบุญแล้ว ที่ลูกยังดูแลท่าน
....สินในน้ำ

Related posts