วันที่ 11 มีนาคม 2568 ที่ห้องประชุมสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอนุรักษ์และจัดการช้างครั้งที่ 1/2568 โดยมี ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการฯ และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
การประชุมครั้งนี้เป็นการขับเคลื่อนตามคำสั่งของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ได้แต่งตั้งคณะกรรมการชุดนี้ขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาช้างอย่างเป็นระบบ โดยมีประเด็นสำคัญในการประชุมเกี่ยวกับสถานการณ์ทั้งช้างเลี้ยงและช้างป่าในปัจจุบัน
ที่ประชุมได้พิจารณาถึงฐานข้อมูลช้างเลี้ยงที่นำเสนอโดยกรมการปกครอง และสวัสดิภาพรวมถึงโรคระบาดในช้างเลี้ยงจากข้อมูลของกรมปศุสัตว์ พร้อมทั้งรับทราบสถานการณ์ช้างป่าจากกรมอุทยานแห่งชาติฯ ซึ่งประกอบด้วยข้อมูลสถานภาพช้างป่า การกระจายตัวของประชากร และความเสียหายที่เกิดจากช้างป่าออกนอกพื้นที่
นอกจากนี้ ยังมีการนำเสนอผลการดำเนินงานตามมาตรการ 6 ด้าน ภายใต้คณะกรรมการชุดนี้ รวมถึงร่างแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาช้างป่าแห่งชาติ พ.ศ. 2568-2572 และการขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลางเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับโครงการแก้ไขปัญหาช้างและลิงรบกวนประชาชน
โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบดังนี้
1.เสนอเพิ่มอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเป็นกรรมการในคณะกรรมการอนุรักษ์และจัดการช้าง
2 .เห็นชอบร่างคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการอนุรักษ์และจัดการช้างเลี้ยงหรือช้างบ้าน
3.เห็นชอบร่างคำสั่ง แต่งตั้งคณะอนุกรรมการอนุรักษ์และจัดการช้างป่า
4. เห็นชอบร่างคำสั่งแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิด้านอนุรักษ์สัตว์ป่าในคณะกรรมการอนุรักษ์และจัดการช้าง จำนวน 2 ท่าน
– รศ.ดร.นริศ ภูมิภาคพันธ์
– ศาสตราจารย์ปฏิบัติ ดร. นายสัตวแพทย์ ฉัตรโชติ ทิตาราม
5. เห็นชอบในหลักการ คำขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลางเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โครงการแก้ไขปัญหาช้างป่าและลิงรบกวนประชาชน
6. เห็นชอบในหลักการให้มีการกำหนด ร่างแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาช้างป่าแห่งชาติ พ.ศ. 2568 – 2572 และให้คณะกรรรมการพิจารณในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อขับเคลื่อนต่อไป
ทั้งนี้ การประชุมได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ช้างป่าที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งในการจัดการพื้นที่ป่าไม้ซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของช้างป่า และการสร้างเครือข่ายภาคประชาชนในการอนุรักษ์ช้างป่า เพื่อให้คนและช้างสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน
