ผู้ว่าทศพล ติดตาม สถานการณ์น้ำ แม่น้ำปิง ณ เช้าวันนี้ 28 กนยายน 2568
**********************
ตำรวจ เมืองเชียงใหม่ จัดชุดปฏิบัติการ เฝ้าระวังน้ำท่วม และดูแลรักษาความปลอดภัยทรัพย์สินของประชาชน
*********************************
ข่าวสังคมชาวบ้านประจำวันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน 2568 โดยสินในน้ำ✍️….คำว่าเมตตา มีปิยนนาป สัตว์บัญญัติ คือมีสัตว์อันเป็นที่รัก เป็นอารมณ์ ในการแผ่เมตตาจิต ซึ่งประหารโทสะ ความโกรธอีก ทั้งความพยายาม ความมุ่งร้าย ความทำลาย กรุณา มีทุกขิตสัตว์ บัญญัติ คือ สัตว์ที่กำลังได้รับความทุกข์ เป็นอารมณ์ในการแผ่ความกรุณา ซึ่งประหารวิหิงสา ความเบียดเบียน ความซ้ำเติม มุทิตา มีขิตสัตว์บัญญัติ คือ สัตว์ที่กำลังมีความสุขความสบายอยู่เป็นอารมณ์ในการที่พลอยชื่นชมยินดีไปด้วย ซึ่งประหารอิสสาความริษยา เห็นเขาได้ดีก็ทนอยู่ไม่ได้ อรติ ความไม่ยินดีด้วย อุเบกขา มี มัชฌัตตสัตว์บัญญัติ คือสัตว์ที่ไม่มีทุกข์แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นสุขนั้นเป็นอารมณ์ในการที่วางเฉยต่อสัตว์นั้นๆ ซึ่งประหารอคติ (ความลำเอียงเพราะชอบกัน เพราะชังกันเพราะลุ่มหลงเมามัวหรือเพราะกลัวเขา)….อีกแค่วันเดียวเท่านั้น ก็ได้เวลาของผู้ที่จะต้องเกษียนอายุในการทำงาน ที่ผ่านมาจากที่แทบไม่ต้องทำอะไร แค่ขยับลูกน้องก็รีบทำแทนแล้ว จะไปไหนมาไหน ใช้รถประจำต่ำแหน่ง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ขับรถ เดินทางไปไหนมีลูกน้องติดตามคอยอำนวยความสะดวกทุกอย่าง แต่หลังจากพรุ่งนี้ไปแล้ว ทุกอย่างมันจะเปลี่ยนไปหมด จากที่เคยสบายๆ มันก็คงไม่มีอีกแล้ว จะกินจำอะไร หรือว่าจะไปไหน ท่านก็ต้องขับรถไปคนเดียวไปคนเดียวไร้ผู้ติดตามไม่มีลูกน้องคอยตามเป็นขบวนเหมือนที่ผ่านมา มีสิ่งเดียวที่ท่านที่เกษียณจะต้องทำประจำ คือต้องขับรถไปส่งเมียทำงาน ไปจ่ายกับข่าว ไปส่งลูก ส่งหลาน นี่คืองานประจำของคนที่จะเกษียณในวันพรุ่งนี้ ….วันนี้เลยขอหยิบเรื่องมาเล่าสู่กันฟัง ถือเป็นข้อคิดของคนที่จะเกษียณในวันพรุ่งนี้ เป็นเรื่องของอดีตผู้กำกับตำรวจใหญ่ท่านหนึ่ง หลังจากที่เกษียณอายุราชการ เขาได้ย้ายออกจากบ้านพักราชการแล้วมาอยู่ที่บ้านของตนเอง ที่ซื้อ ไว้ในชุมชนแห่งหนึ่ง ท่านเป็นผู้ที่ภูมิใจในต่ำแหน่ง เกียรติยศและผลงานในอดีตของตนเองมาก ทุกๆ เย็นเขาจะไปเดินเล่นในสวนสาธารณะใกล้บ้าน แต่ท่านไม่เคยเอ่ยปากทักใครก่อน ไม่เคยชวนคุยเพราะคิดว่า คนในละแวกนี้ไม่คู่ควรกับเกียรติยศของท่าน และไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปผูกมิตรด้วย จนวันหนึ่ง เขามานั้งบนม้านั้งยาว ในสวน และก็มีชายชราคนหนึ่ง เดินมานั้งข้างๆ พยายามชวนคุย แต่อดีตผู้กำกับก็ไม่สนใจ หันไปพูดแต่เรื่องของตนเอง พูดถึงแต่ต่ำแหน่งอันใหญ่โตที่เคยมี มีเกียรติยศ ที่เกิดได้รับและยังย้ำเสมอว่าบ้านที่เขาย้ายมาอยู่เนี่ย ไม่ใช่เพราะจนมุมหรอก แต่เป็นเพราะว่าเขาซื้อเอาไว้เอง….ภาพแบบนี้เกิดขึ้นหลายครั้ง ชายชราคนนั้นก็นั่งฟังเงียบๆ ไม่เคยแย้งไม่เคยขัด จนกระทั้งวันหนึ่งตอนเย็น ชายชราคนนั้นเอี่ยปากขึ้นเบาๆ ว่า ท่านผู้กำกับครับ หลอดไฟนั้นมีค่าก็ต่อเมื่อมันยังส่องแสงสว่าง แต่เมื่อใดมันดับ ไม่ว่ามันจะเป็น 10 วัตต์ หรือ 100 วัตต์ มันก็ไม่ต่างกัน เพราะมันจะเงียบงันไร้ค่าและถูกลืม เป็นไงครับเรื่องที่หยิบมาเล่า มันเข้ากับบรรยากาศของคนที่จะเกษียณไหม ยังไม่จบพรุ่งนี้จะมาเล่าต่อ เป็นไงบ้าง อ่านแล้วมันดีไหมละ พรุ่งนี้มาต่อ
….สินในน้ำ