วันที่ 10 กันยายน 2568 พลอากาศเอก สถิตย์พงษ์ สุขวิมล ราชเลขานุการในพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และคณะ ตรวจติดตามโครงการศึกษา สำรวจและพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลในพื้นที่เสี่ยงกร่อยเค็ม ตำบลอุ่มเม้า อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมีนางชญานันท์ ภักดีจิตต์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายจตุพร บุรุษพัฒน์ คณะทำงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ กระทรวงทรัพยาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายชัชวาลย์ เบญจสิริวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด นายภาดล ถาวรกฤชรัตน์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล พร้อมคณะผู้บริหาร ข้าราชการ เจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาล ร่วมให้การต้อนรับ ณ บ้านคำเจริญ หมู่ที่ 15 ตำบลอุ่มเม้า อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด
.
สืบเนื่องจากตำบลอุ่มเม้า อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด กว่าร้อยละ 70 ของพื้นที่ ประสบปัญหาด้านคุณภาพน้ำกร่อยเค็ม ประกอบกับสถานการณ์ภัยแล้งมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ปริมาณฝนที่น้อยลง ฝนทิ้งช่วงยาวนานติดต่อกัน ทำให้ปริมาณน้ำกักเก็บในแหล่งน้ำผิวดินไม่เพียงพอสำหรับอุปโภคบริโภค กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ได้ดำเนินการสำรวจพื้นที่ พบว่าพื้นที่บ้านคำเจริญ หมู่ที่ 15 มีศักยภาพน้ำบาดาลเฉลี่ย 10-20 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง และคุณภาพน้ำบาดาลจืด สามารถนำไปพัฒนาเป็นโครงการได้ จึงจัดทำโครงการศึกษา สำรวจและพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลในพื้นที่เสี่ยงกร่อยเค็ม ตำบลอุ่มเม้า อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด โดยได้รับงบประมาณสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาน้ำบาดาล ซึ่งรูปแบบของโครงการ ประกอบด้วย บ่อน้ำบาดาลขนาด 6 นิ้ว จำนวน 4 บ่อ พร้อมเครื่องสูบน้ำแบบจุ่มใต้น้ำ ขนาด 3 แรงม้า ถังเหล็กเก็บน้ำ ขนาดความจุ 250 ลูกบาศก์เมตร จำนวน 2 ถัง หอถังเหล็กเก็บน้ำชนิดรักษาแรงดัน ขนาดความจุ 300 ลูกบาศก์เมตร อาคารสูบน้ำพร้อมเครื่องสูบ ขนาด 15 แรงม้า ถังกรองสนิมเหล็ก จุดจ่ายน้ำถาวร จุดบริการน้ำดื่ม และเชื่อมต่อกับระบบประปาเดิมของชุมชน ซึ่งสามารถพัฒนาน้ำบาดาลขึ้นมาใช้ได้มากถึง 240,900 ลูกบาศก์เมตรต่อปี ประชาชนได้รับประโยชน์ 15 หมู่บ้าน จำนวน 1,331 ครัวเรือน หรือ 7,175 คน
.
ปัจจุบัน กรมทรัพยากรน้ำบาดาลมีโครงการศึกษา สำรวจและพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลขนาดใหญ่ในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด จำนวน 2 แห่ง คือ ตำบลอุ่มเม้า อำเภอธวัชบุรี และตำบลโคกล่าม อำเภอจตุรพักตรพิมาน ซึ่งโครงการทั้ง 2 แห่ง ประชาชนจะได้รับประโยชน์รวมทั้งสิ้น 1,785 ครัวเรือน 8,992 คน สามารถเพิ่มน้ำต้นทุนได้ไม่น้อยกว่า 416,100 ลูกบาศก์เมตรต่อปี