ผู้ว่าเซมเบ้ ติดตามการทำงานเครื่องบินทอ.ลาดตระเวนไฟป่า ติดกล้องจับความร้อนโดยกองทัพอากาศจัดเครื่องบินโจมตีธุรการแบบที่ 2
***********************
น้องเอวา ต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยความประทับใจ ที่ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี
******************
ข่าวสังคมชาวบ้านประจำวันศุกร์ที่ 21 มีนาคม 2568 โดย..สินในน้ำ✍️….มาที่เรื่องของโรคที่มากับไฟป่าและหมอกควัน คือโรคหู คอ จมูก ที่พบบ่อยในช่วงหมอกควัน การที่ได้รับฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 เข้าไปทางจมูกจะทำให้เยื่อบุจมูกอักเสบได้ ซึ่งอาการที่พบคือ มีอาการคันจมูก แสบจมูก ตามน้ำมูกไหล หรืออาจมีเลือดกำเดาไหล ซึ่งพบบ่อย นอกจากนี้ยังพบว่าอุบัติการณ์ของการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนอื่นๆ เช่น คอหอยอักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบ โพรงหลังจมูกอักเสบ สูงขึ้นสัมพันธ์กับค่า PM2.5 ที่สูงขึ้นด้วย….จากการทดลองวิจัยโดยหนู พบว่าหนูที่ได้รับฝุ่น PM2.5 เข้าไปจะมีการถูกทำลายของเยื่อโพรงจมูก สำหรับการศึกษาเพิ่มเติมกับมนุษย์โดยสังเกตพบว่ามลภาวะทางอากาศอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดเยื่อบุจมูกอักเสบภูมิแพ้ นอกจากนี้ยังส่งผลให้ผู้ป่วยจมูกอักเสบภูมิแพ้มีอาการกำเริบ และพบว่ามีอุบัติการณ์ มีเลือดกำเดาไหลเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งภาพรวมในประเทศไทยภาคเหนือในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ถึงมี นาคม พบว่าระดับฝุ่น PM2.5 มีค่อนข้างสูง ซึ่งนอกจากจะส่งผลกระทบต่อเยื่อบุจมูกและทางเดินหายใจแล้ว ยังมีผลกระทบต่ออวัยวะอื่นๆ เช่นเยื่อบุตาอักเสบ ผลกระทบต่อทารกในครรภ์ การพัฒนาสมองในเด็กช้าลง เพิ่มโอกาสความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง ความเสี่ยงของมะเร็งปอด และความเสี่ยงความจำเสื่อมในผู้สูงอายุเป็นต้น โดยกลุ่มเสี่ยงได้แก่เด็กเล็ก สตรีมีครรภ์ ผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวเป็นต้น…..ในส่วนของการนอนกรน เกี่ยวข้องกับฝุ่น PM2.5 ไหม จากการวิจัยพบว่ามีความเกี่ยวข้องแต่ยังไม่ชัดเจนว่า PM2.5 เป็นปัจจัยเสี่ยงให้เกิดการนอนกรน แต่มีแนวโน้มว่ามลภาวะมีความสัมพันธ์กับระดับความรุนแรงของภาวะหยุดหายใจขณะหลับ กล่าวคือ เมื่อผู้ป่วยมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับอยู่แล้ว หากสูดได้รับมลภาวะเข้าไปมากๆ อาจจะทำให้อาการแย่ลง ควรล้างจมูกในช่วงมีฝุ่นนี้หรือไม่การล้างจมูกสามารถล้างได้ในช่วงที่มีฝุ่น เพราะจะช่วยนำสารก่อภูมิแพ้ฝุ่นละออง หรือสิ่งสกปรกออก ไม่ควรสั่งน้ำมูกหรือน้ำเกลือที่ค้างอยู่ในโพรงจมูกแรง และในผู้ป่วยที่มีเยื่อบุจมูกอักเสบควรลดความแรงในการล้างจมูก เพื่อป้องกันเลือดกำเดาไหล และหากผสมน้ำเกลือใช้ล้างจมูกเอง ควรใช้น้ำที่สะอาดที่ใช้ดื่ม ผสมแล้วไม่ควรทิ้งไว้นาน สามารถล้างได้ทุกวันแต่ควรล้างให้ถูกวิธี….มาดูวิธีปฐมพยาบาลในกรณีเลือดกำเดาไหล หากมีเลือดกำเดาไหลออกทั้งสองข้างของจมูก แนะนำให้บีบจมูก (บริเวณปีกจมูก) ทั้งสองข้างเข้าหาผนังกั้นจมูก ก้มหน้าลงพื้นป้องกันการสำลักเลือดที่ไหลลงคอ หากมีเลือดไหลลงคอ ให้บ้วนออกทางปาก และหายใจทางปาก หากไหลข้างเดียวอาจบีบจมูกข้างที่มีเลือดกำเดาไหลเข้าหาผนังกั้นจมูกโดยกดค้างไว้ประมาณ 5-10 นาที แล้วลองปล่อย ถ้าหากยังมีเลือดกำเดาไหลอยู่ ควรไปโรงพยาบาล สำหรับกรณีที่มีเลือดไหลออกมาปริมาณมาก หรือมีอาการหน้ามืดใจสั่น แนะนำให้ไปโรงพยาบาลทันที….นี่คือข้อมูลที่นำมาบอกเล่าให้พี่น้องได้ทราบกันเผื่อมีใครที่เกิดมีภาวะแบบที่ว่าก็จะได้รักษาได้ถูกวิธี
….สินในน้ำ