“เล่าเรื่อง เมืองล้านนา” 26 พฤศจิกายน 2567

จังหวัดพะเยา จัดพิธีทอดผ้าป่าสมทบกองทุนแม่ของแผ่นดิน และกองทุนหมู่บ้านป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยกองทุนแม่ของแผ่นดิน เนื่องในวันสถาปนากองทุนแม่ของแผ่นดิน 25 พฤศจิกายน 2567 ณ วัดสถาน หมู่ที่ 5 ตำบลภูซาง อำเภอภูซาง จังหวัดพะเยา

******************

เชียงใหม่จัดงานรณรงค์ 16 วันแห่งการเคลื่อนไหวต่อต้านความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศ

*******************

ข่าวสังคมชาวบ้านประจำวันอังคารที่ 26 พฤศจิกายน 2567โดยสินในน้ำ✍️….คนที่อยู่ในต่ำแหน่งและเสพลาภยศศักดิ์ไปจนเคยชิน เวลาที่หลุดจากต่ำแหน่งแล้วมักจะยอมรับไม่ค่อยได้ ก็เพราะว่าได้เสพลาภยศมานานจนเคยชิน พอถึงเวลาที่จะต้องลงกลับไม่ค่อยยอมลง อ้างโน้นอ้างนี้ไป สารพัดสารเพ เรียกว่าเอาโน้นมาใส่เอานี้มาใส่ ว่าคนที่เขามาแทนที่เป็นอย่างโน้นอย่างนี้ ซึ่งมันเป็นการสร้างปมด้อย และธาตุแท้ของตัวเองออกมาให้คนอื่นได้เห็น อันนี้ถือว่ามันไม่ดีเลย และที่ว่าไม่ดี ไม่ดีเพราะอะไร เพราะมันเป็นการแสดงถึงตัวตนของท่านที่ไม่เคยแสดงออกให้ได้เห็น ทั้งนี้ ก็เพราะว่าท่านได้นังบัลลังของลาภยศมานานจนเคยชิน….อย่าลืมว่ามันคือหัวโขน ลาภยศศักดิ์เหมือนชนักที่ปักหลัง เปรียบเหมือนดังเช่นหัวโขนหมกในโลก พอจากหัวโขน โชควาสนามันก็หมดไป มันเป็นกฎของธรรมชาติไม่ยั่งยืน ลาภยศต่ำแหน่งไม่คงที่ แต่ความดีนั้นคงทน ชีวิตกับความเป็นจริงนั้น เมื่อเราได้มีชีวิตเกิดมาเป็นคนแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อชีวิตของคนเราเกิดมา ทุกคนจะต้องมีหน้าที่การงานที่จะต้องทำและเลี้ยงชีพของตนเองและครอบครัวต่อไปซึ่งการปฏิบัติ งานในหน้าที่การงานของตนที่ได้รับผิดชอบนั้นจะมีหน้าที่แตกต่างกันออกไปยกตัวอย่างเช่น เรา เป็นลูกจ้างระดับล่างในสถานที่ราชการแห่งหนึ่ง ก็อาจจะเป็นแค่พนักงานทำความสะอาด แม่บ้าน หรือเป็นหัวหน้างาน รองหัวหน้างาน หัวหน้าฝ่าย รองหัวหน้าฝ่าย หรือผู้จัดการ แม้แต่อธิบดีกรมการต่างๆ ที่นั้งในต่ำแหน่งหน้าที่ต่างๆ นั้นก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ของเราให้เต็มที่….แล้วเมื่อปฏิบัติหน้าที่อย่างสุดใจสุดกำลังความสามารถของเราแล้ว ในการปฏิบัติงานของเราก็อาจไปเข้าตาของกรรมการผู้ประเมินผลงานเข้า ก็อาจจะได้เลื่อนต่ำแหน่งขึ้นสูงยิ่งขึ้น ซึ่งต่ำแหน่งที่เราจะได้ไปดำรงอยู่นั้นแหละ ที่เขาเรียกว่าอีกอย่างหนึ่งว่า หัวโขน เมื่อใครผู้ใดมีหัวโขนสวมอยู่ และมีอำนาจวาสนายิ่งใหญ่มาก ก็จะมีผู้คนเข้ามาคบหามากตามไปด้วย ตามลำดับชั้นของหัว โขนที่สวมอยู่ เพราะฉะนั้น หัวโขนนี้ก็เปรียบเสมือนดาบสองคม คนที่ 1 ถ้าเรารู้จักในการใช้ไม่หลงยึดติดในต่ำแหน่งหน้าที่การงาน และปฏิบัติหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ อดทนเที่ยงตรงดีงาม หัวโขนนี้ก็จะให้ประโยชน์แก่เรามากมาย แต่ถ้าเราไม่ปฏิบัติหน้าที่ให้เที่ยงตรงอดทนดีงามแล้ว คมที่สองก็จะหันกลับมาทำร้ายตัวเอง….และเมื่อยามใดที่เราหมดอำนาจวาสนาแล้ว หัวโขนนี้มันก็ต้องถูกเปลี่ยนมือไปด้วยอยู่ดี เพราะว่าไม่มีใครหรอกที่จะสามารถยืนอยู่จุดๆ เดิมได้ตลอดไป เพราะว่าตำแหน่งหน้าที่นั้น มันอยู่กับเราไม่นาน แต่ตำนานในการปฏิบัติหน้าที่อย่างซื่อสัตย์อดทนนั้น จะอยู่กับเราตลอดไป เพราะหัวโขนที่สามที่ใส่นั้นมันหนักหัว จนลืมตัวคิดว่าเป็นหัวของเรา หลงต่ำแหน่ง หน้าที่การงานอย่างดุดัน ไม่ยอมฟังเสียงพี่น้องประชาชนที่เขาไปลงคะแนน กรับคัดค้านกร่างเกินคน คิดว่าตนใหญ่เกินใครทำให้เหลิงหลงระเริงยึดอัตตาจะสับสนคนเข้าหาขาดปัญญานำพาตนแค่เห็นคนที่เขาได้ตำแหน่งไปใจละลาย เลยไม่ได้คิดไตร่ตรองมองให้ชัด ไม่มีหลักจิตสับสนหมดความหมาย ชีวิตนี้อีกไม่นานก็ต้องจากโลกนี้ไป เอาไปได้แค่บาปบุญ เป็นทุนรอน….จงดูก่อนอันที่จริงสิ่งทั้งหลายต้องสลายไปตามการวางเสียก่อน ทำหน้าที่ตนให้ดีสิแน่นอน ก่อนชีวิตไม่มีสิทธิ์จะได้ทำ กรรมจะเป็นตัวกำหนดทุกบทบาทเกิดจากกรรมที่ตนก่อ จากนั้นถอดหัวโขนก็จบกัน ส่วนเราก็ยังสามารถสร้างความดีนั้นได้ใหม่ ทุกอย่างมันสอนให้เรารู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่ยั่งยืนใครไม่ตื่นก็ต้องหลงกันต่อไปกับหัวโขน อย่าลุ่มหลงไร้ประโยชน์ เททิ้งไปใจเท่านั้นสำคัญกว่า จงปล่อยวางแล้วทิ้งมันไปกับหัวโขนที่มันไม่ใช่ของเราคนเดียว
….สินในน้ำ

Related posts