“เล่าเรื่อง เมืองล้านนา” 7 สิงหาคม 2567

กรมสุขภาพจิต หนุนพัฒนาศักยภาพนักจิตวิทยา ยกระดับบริการสุขภาพจิตเด็กและเยาวชน  จัดโครงการพัฒนาศักยภาพนักจิตวิทยาด้านการใช้แบบทดสอบมาตรฐานวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนไทย ครั้งที่ 2

*******************

คณะแพทยศาสตร์ มช. รับมอบเงินบริจาค จาก ด๊อกเตอร์ .องอาจ กิตติ คุณชัย ประธานบริหาร บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน)

*******************

ข่าวสังคมชาวบ้านประจำวันพุธที่ 7 สิงหาคม 2567 โดยสินในน้ำ✍️….ประเทศไทยเข้าสู่สังคมของคนแก่หรือผู้สูงวัยอย่างเต็มรูปแบบแสดงว่าเมืองไทยคนแก่เพิ่มจำนวนมากขึ้น และอีกไม่ถึงสองเดือนคนแก่ก็จะเพิ่มขึ้นอีกจากผู้ที่เกษียณอายุราชการ ซึ่งผมเคยบอกให้พี่น้องว่า คนที่อายุ 60 – 65 ปี เรียกว่าผู้สูงวัย 65-70 เรียกว่าวัยชรา 70-75 เรียกว่าวัยแก่ชราและ 75 ขึ้นไปเรียกว่าวัยชราภาพ สำหรับเพื่อนที่ใกล้จะ 70 หรือเกินไปนิดหน่อยโปรดสนใจข้อมูลนี้นะครับเพราะผมเห็นว่ามันเป็นประโยชน์สำหรับคนแก่ๆ ทั้งหลาย….แต่ก่อนเราเคยรักพ่อรักแม่ รักพี่น้อง รักเพื่อนฝูง แต่มาเดี๋ยวนี้คนที่เราเคยรักหลายคนต่างได้จากโลกนี้ไปกันเกือบหมดแล้ว เราจึงต้องรักตัวเองให้มากขึ้นเพราะในวันที่จะจากโลกนี้ไป เราจะต้องจากไปเพียงคนเดียวคนอื่นมิได้ไปกับเราด้วย จึงต้องเร่งหาอริยทรัพย์ติดตัว คือบุญกุศล ความดีงาม และการกระทำสมาธิ เพื่อที่ผลิตพลังจิต และสะสมพลังจิต และเวลาที่เราไปซื้อกับข้าวหรือว่าอาหารมาทาน ไม่ต้องไปต่อราคาคนขายหรอก เพราะการจ่ายเงินเพิ่มอีกเล็กน้อย มันคงไม่มีผลกระทบ แต่อาจสามารถช่วยพวกเขาได้ ให้มีเงินเก็บสำหรับค่าเรียนของลูกๆ เขาได้มากขึ้น….ถ้าเราจะพูดกับใครๆ อีกต่อไปว่า นิทานเรื่องนี้ ท่านได้เล่ามาหลายครั้งแล้ว แต่อย่าลืมว่านิทานเรื่องเก่าแต่ละเรื่อง มันช่วยฟื้นฟูความทรงจำและการรำลึกอดีตได้เป็นอย่างดี และมันก็สอนให้เราระมัดระวังมันระวังตัวมากขึ้นในทุกๆเรื่อง เราจะไม่คิดแก้ไขคนอื่นอีกต่อไป แม้ว่าเขาเหล่านั้นจะผิด เพราะว่าการทำให้ทุกคนสมบูรณ์แบบไม่รับผิดชอบของเรา แต่กลับสร้างความร้าวฉาน และเสียความสัมพันธภาพที่ดีระหว่างคนอื่นกับตัวเรา ไปมากกว่ากรรมใดใครก่อ เขาและครอบครัวของเขา และคนที่เขารัก ก็ย่อมจะต้องดี รับผลกรรมที่เขาก่อ ตกไปถึงลูกหลานและครบครัวเขาด้วย….เราจะมองในแง่บวกมาก กว่าตำหนิคนอื่น รวมทั้งเรื่องอื่นๆ ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นไม่เพียงแต่จะทำให้อีกฝ่ายหนึ่งอารมณ์ดีแต่ก็เป็นประโยชน์กับตัวเราเองอีกด้วย เราจะไม่กังวลกับจุดเปื้อน บนเสื้อหรือข้อผิดพลาดที่เล็กๆ น้อยๆ ของคนอื่นอีกต่อไป เพราะจิตใจนั้นสำคัญกว่ารูปลักษณ์ภายนอกมาก เราจะอยู่ห่างๆกับคนที่เขาดูถูกเราเพราะพวกเขาไม่เข้าใจคุณค่าในตัวเรามีแต่จะทำให้จิตใจของเราขุ่นมัวไปเปล่า เปล่า เราจะไม่ยึดถึงความคิดเห็นของตัวเอง จนต้องทำลายมิตรภาพกับใครๆ เพราะว่าทุกคนมีสิทธิที่จะมองเห็นต่างมุมได้ เราถือว่าทุกวัน เป็นวันสุดท้ายของชีวิต เพราะท้ายที่สุด วันสุดท้ายของชีวิตก็จะต้องมาถึงสักวันหนึ่งอย่างแน่นอน จึงต้องไม่ประมาท สังขาร มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา นี่คือสิ่งที่เรากำลังทำในสิ่งที่ทำให้เรามีความสุข….เราลองมองย้อนเส้นทางของชีวิต บางคนยังไม่ทันได้เกษียน ก็ต้องจากไปแล้ว บางคนเพิ่มจะเกษียนไม่นานก็ต้องไปนอนบนเตียง ของโรงพยาบาล พวกเรานั้นถือว่า โชตดีมากที่ยังคงเดินด้วยขาของตนเองได้ แก่แล้วแต่ยังทำอะไรได้ตามปกติ ขับรถได้ กินได้ ไปเที่ยวไหนก็ไปได้ไม่รีรอ แบบนี้แหละที่มหาเศษรฐีหลายคนหาซื้อไม่ได้ เพราะไม่มีขาย จะมีเงินกี่พันกี่หมื่นล้านถ้าไปไหนไม่ได้นอนติดเตียงอยู่โรงพยาบาล มันจะมีความหมายอะไร สิ่งต่างๆ เหล่านี้ถ้าอยากได้ต้องเสาะหาเอง ดูแลตัวเองให้มากขึ้น รักตัวเองให้มากขึ้น เพราะว่านี่มันเป็นสิ่งที่จะซื้อจะขายกันไม่ได้ ตัวท่านต้องหาเองนั้นแหละถึงได้
.…สินในน้ำ

Related posts