ศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์พงษ์รักษ์ ศรีบัณฑิตมงคล อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัย และคณะวิศวกรรมศาสตร์ ร่วมให้การต้อนรับ รองศาสตราจารย์ ดร.คุณหญิงสุมณฑา พรหมบุญ รักษาการอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา Dr. Kyaw Thar Htun (จ่อ ตา ทูน) อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเชียงตุง พร้อมด้วยทีมผู้บริหารจากสถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา และ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเชียงตุง ในโอกาสที่ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการระหว่างมหาวิทยาลัยเชียงใหม่กับสถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา โดยมี ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์นิเวศน์ นันทจิต เลขาธิการมูลนิธิขาเทียม ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ รองศึกษาธิการจังหวัดเชียงใหม่ ผู้แทนวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ ผู้แทนนายกสมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และกรรมการเลขานุการมูลนิธิพัฒนามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ประธานชมรมนักวิทยุและโทรทัศน์เชียงใหม่-ลำพูน ให้เกียรติร่วมเป็นสักขีพยาน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 ธันวาคม 2566 ณ ห้องประชุมพระยาศรีวิสารวาจา ชั้น 1 อาคารสำนักงานมหาวิทยาลัย 1 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
.
ความร่วมมือดังกล่าวสืบเนื่องจาก อาจารย์ไพศาล จั่วทอง อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ ได้รับเชิญให้เข้าร่วมในคณะทำงานของสถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา เพื่อดำเนินโครงการ “การศึกษาแนวทางในการพัฒนาความร่วมมือในทางวิชาการระหว่างสถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยี เมืองเชียงตุง สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา” และเนื่องในโอกาสที่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี องค์นายกสภาของสถาบันเทคโนโลยีจิตรลดาจะทรงเจริญพระชนมายุครบ 70 พรรษา ในปี พ.ศ 2568 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้แนะนำหนังสือนครเชียงตุง เรียบเรียงโดย อาจารย์ไพศาล จั่วทอง ฉบับพิมพ์ปรับปรุงครั้งที่ 3 โดยมีมูลนิธิพัฒนามหาวิทยาลัยเชียงใหม่เป็นผู้ให้การสนับสนุนการจัดพิมพ์ โดยมหาวิทยาลัยเชียงใหม่จะนำรายได้ จากการจำหน่ายหนังสือทั้งหมด โดยไม่หักค่าใช้จ่าย สมทบทุนการศึกษาของสถาบันเทคโนโลยีจิตรลดาต่อไป
#ccarc
#มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
.
อ่านเพิ่มเติมที่
https://cmu.ac.th/th/article/bc9ad4f5-b1e2-4d29-b109-7babb08d2a30
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ร่วมกับสถาบันเทคโนโลยีจิตรลดาพัฒนาความร่วมมือทางวิชาการและขยายความร่วมมือไปยังมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเชียงตุง (Technological University, Kyaing Tong, Myanmar) . .
